ว่าเลยนะครับบผมขับขี่เเต่ มอเตอร์ไซค์ ไม่คิดที่จะมายุ่งกับ รถยนต์เลยเเม้เเต่น้อย ทั้งๆมีคนบอกเเละแตะนำ ว่า ขีบไม่อันตรายเท่า มอเตอร์ไซค์ นะที่เรียกกันว่า เนื้อหุ้มเหล็ก คือขี่มอไซค์ หรือ เย็นกว่านนะไม่ต้องมาทนตากเเดดรัอนๆ ผมก็ได้เเต่รับฟังนั่นละครับบ จนสุดท้ายวันนึง พ่อใช้รถยนต์จึงชวนมาขับโดยที่พ่อจะสอนเอง บอกเลยครับตั้งเเต่ขี่มอไซค์ผมไม่เคยให้คนในครอบครัวสอนขับ ที่ขับจนได้นั้นแต่ละรุ่นของมอไซค์ ไม่ว่ามีครัช หรือไม่มีครัช มีเเคาเพื่อนเเละ พี่ชายที่ไม่รุ้จักคนนึง มาสอนโดยบังเอิญ
เมื่อมาถึงคราวตัองได้หัดขับ ปมคิดเลยจะรอดไหมเนี่ย พอเข้าไปในรถ ก็เริ่มทำความรุ้จัก ส่วนต่างๆ หลักๆกก็ พวงมลัย เกียร์ ครัช เบรคเเละคันเร่ง แล้วก็การดุกระจก ทั้งข้างเเละหลัง ที่สับสนก็ เกียร์ตี่ละครับ งงจริงๆ เดินหน้าถอยหลัง เกียค์ ว่าง 1-2-3-4 เเรกก็พอได้ครับ เดินหน้า ถอยหลัง เลี้ยว หรือขึ้นเนิน
แต่เพราะการขี่มอไซค์มาก่อน ผมจะใช้ประสาทสัมผัส ทางการมองเเละฟังด้วยหู แต่พอไปในเครื่องที่นั่ง มันเงียบไม่เหมือนขับมอไซค์เลยที่จะได้ยินเสียงต่างๆภายนอกที่ดังกว่ามากก จนจะเลิกการขี่วันนั้นเเล้สครับ ผมถอยหลังรถ ได้ยินเสียงบีบเเตรผมก็มองกระจกข้าง(เพราะชินการขับมอไซค์)มันมีแต่กระจกข้างนิครับ ก็ยังได้ยิน แต่ก็ยังถอยนะครับ เริ่มดังเเละถี่เรื่อยๆจนสุดท้าย กึก ผมนี่ เอาละชนอะไรละท่นี้ เข้าเกียร์ว่าง ลงไปด้วยใจที่ ตกไปอยุ่ ตาตุ่มแล้ว สรุป ถอยหลังไปชน กระบะคันข้างหลัง เนื่องจากมองเเต้กระจกข้าง ไม่มองกระจกหลังเลยย ผมนี่หน้าเสียเลย ผมก็ได้เเต่ลงไปขอโทษที่เขา แต่มันไม่เป็นอะไรมากเเค่ชนเบาๆพี่บอกน้องหัดขับหรือป่าวผมก็ใช่ครับ ขอโทษจริงๆครับพี่ สุดท้ายพี่ก็ไม่เอาเรื่องอะไร ผมกลับมานั่งที่รถ คิดในใจ ครั้งเเรกก็สวยเลยย ไม่เอาดีกว่ามั้ง ดังนั้นผมเลยคิดว่า คงต้องหาสถานที่ใหม่เเละ เตรียมพร้อมให้มีความรอบคอบมากกว่านี้ หรือเก็บเงินไปเรียนดีกว่า ไม่อยากให้ใครเดือดร้อน5555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น